ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ตลาดรถ SUV นั้นแข่งขันกันสูงมาก แต่ละค่ายรถยนต์ต่างออกรถรุ่นใหม่ที่เป็น SUV มาประชันความเหนือชั้นกัน และมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อเอาใจตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้รถหลายคนก็ถูกใจในความตอบโจทย์ของรถรูปแบบนี้ พอได้รถที่ถูกใจก็ตัดสินใจซื้อประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 เพื่อความมั่นใจในการใช้รถไปด้วยเลย
เมื่อตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น ค่ายรถต่าง ๆ จึงพยายามพัฒนารถ SUV ให้มีประสิทธิภาพเหนือชั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งตอนนี้กระแส SUV ที่กำลังมาแรงก็คือ SUV Turbo ซึ่งเชื่อว่าภายในปี 2021 นี้ รถรูปแบบนี้จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด SUV แบบเดิม ๆ ไปได้มาก จนอาจจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของรถยอดนิยมในปีนี้เลยทีเดียว
SUV Turbo แท้จริงไม่ใช่เรื่องใหม่
สำหรับรถยนต์ที่เป็น SUV Turbo นั้น จริง ๆ แล้วมีมาสักระยะใหญ่ ๆ แล้ว หลังจากทางยุโรปมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของรถ ยกเลิกการผลิตรถแบบเครื่องยนต์ดีเซล รถที่ใช้เครื่องยนต์แบบเทอร์โบก็เข้ามาผงาดแทนที่ ดึงกระแสตลาดออกไปได้ทันที
โดยทางยุโรปได้นำนวัตกรรมเครื่องยนต์แบบเทอร์โบนี้ไปใส่ไว้ในรถของทางฝั่งญี่ปุ่น และมีการนำไปใส่ไว้ในรถ SUV หลายรุ่น ซึ่งนั่นกลายเป็นการเปลี่ยนเทรนด์ความสนใจของผู้ใช้รถเลยทีเดียว จุดเด่นที่ทำให้รถที่ใช้เครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จน่าสนใจสำหรับผู้ขับขี่ก็คือ สามารถทำแรงบิดสูงสุดได้ในรอบที่ต่ำ ซึ่งรถจะออกตัวได้ง่ายโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งหนัก ๆ
ยิ่งเมื่อเครื่องยนต์แบบนี้มาใส่ไว้ในรถแบบ SUV ด้วยแล้วยิ่งตอบโจทย์ เพราะรถยนต์อเนกประสงค์นั้นขนาดของรถจะค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักของรถจึงมาก รวมไปถึงพื้นที่ใส่สัมภาระก็เยอะมากกว่ารถเก๋งทั่วไป เวลาขับขี่จริงจึงอาจต้องแบกน้ำหนักเยอะมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ทำให้รถเร่งเครื่องยาก ต้องใช้พลังงานมาก แต่พอมีเครื่องยนต์เทอร์โบมาช่วย รถก็ออกตัวเคลื่อนตัวได้ง่ายมากขึ้นแบบไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ
เส้นทางเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ
จากที่กล่าวมาข้างต้นดูเหมือนว่า SUV Turbo จะประสบความสำเร็จและน่าสนใจมาตั้งแต่เริ่มแรก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย โดยเฉพาะในตลาดเมืองไทย มี SUV หลายค่ายรถยนต์ที่ลองติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จขนาด 2.0 ลิตรในรถยนต์ของตนเอง ซึ่งพลังความแรงไม่ต้องพูดถึงทำได้ดีแน่นอน แต่ทว่าเรื่องประหยัดน้ำมันนั้นกลับน่าผิดหวัง ทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจจนต้องมีการเปลี่ยนระบบกันใหม่
ในระยะต่อมาหลายค่ายรถนำ SUV Turbo มาปรับเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ปัญหาก็คลี่คลายถูกใจผู้ขับขี่มากขึ้น การที่รถใช้งานได้อย่างคล่องตัวตอบโจทย์เช่นนี้เป็นผลดีต่อระบบภายในรถยนต์ทั้งหมด เพราะเท่ากับเป็นการยืดอายุอุปกรณ์รถยนต์ต่าง ๆ ไปด้วยในตัว ซึ่งกลายเป็นความสะดวกของผู้ใช้งาน ช่วยให้สามารถดูแลรถได้ง่ายขึ้น เซฟค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องการทำประกัน ที่ไม่จำเป็นต้องทำประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 เสมอไป และขับขี่ก็ง่ายด้วย
ตอนนี้รถที่ใช้ SUV เครื่องยนต์สันดาปกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จแบบนี้กันหมดแล้ว อีกไม่ช้าเราก็คงจะเป็นรถแบบนี้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ แต่ไม่ว่าคุณจะขับ SUV Turbo หรือรถแบบไหนก็ตาม หากไม่ลำบากจนเกินไปประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 ก็ยังเป็นหนึ่งสิ่งที่คุณควรมีไว้อยู่เสมอเพื่อความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนของคุณนั่นเอง
